กำจัดเชื้อราด้วยน้ำส้มสายชู แบบแรก นำเสื้อผ้าใส่เครื่องซักผ้า ใส่ผงซักฟอกตามปกติ แต่ให้เพิ่มน้ำส้มสายชูลงไป ประมาณ 1-2 ถ้วยตวง แล้วให้เครื่องซักผ้าซักตามปกติ 2. แบบที่สอง นำน้ำส้มสายชูประมาณ 1 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำ ใส่กะละมัง แล้วนำผ้ามาแช่ทิ้งไว้ ประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำไปซักในเครื่องซักผ้าปกติ ที่มา: รูปภาพจาก เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?
อีกหนึ่งปัญหารำคาญตา รำคาญใจของคุณแม่ บ้าน ก็คือ "รา" โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน ที่อากาศค่อนข้างชื้นแบบนี้ ของใช้ เฟอร์นิเจอร์ หรือพื้นที่บางส่วนใน บ้าน ก็เกิดเชื้อราได้ง่าย แล้วเราจะมีวิธีการจัดการกับมันอย่างไรดี ไม่ยากเลยค่ะ Sanook! Home สรรหาวิธีกำจัดเชื้อรามาให้บรรดาคุณแม่บ้าน คุณพ่อบ้านกันแล้ว และเช่นเคยหันไปหันมาก็หยิบของใช้ในครัวมาใช้ได้เหมือนเดิมเลยค่ะ เชื้อราบนเสื้อผ้า 1. เทน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยใส่ลงไปในเครื่องซักผ้า ตรงบริเวณช่องใส่ผงซักฟอกและตามด้วยผงซักฟอก 2. ซักเสื้อผ้าที่มีราปนเปื้อนด้วยน้ำร้อน 3. เมื่อซักเสร็จแล้วให้ตากเสื้อไว้ในบริเวณที่มีแสงแดด เพื่อให้แสงแดดช่วยกำจัดเชื้อรา น้ำส้มสายชูมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อราบนเนื้อผ้าธรรมดาได้มากถึง 82 เปอร์เซ็นต์ แต่หากเสื้อผ้าของคุณเป็นหนังหรือผ้าไหม ให้ใช้วิธีซักแห้ง เชื้อราบนหมวก 1. ใช้แปรงสีฟันเก่าปัดเชื้อราบนหมวกออก 2. โรยผงแป้งลงบนคราบเชื้อราแล้วทิ้งไว้ 2-3 นาทีจากนั้นใช้แปรงปัดฝุ่นแป้งออก 3. ใช้ผ้าชื้นเช็ดหรือตบผงแป้งเบาๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ 4. จากนั้นนำหมวกไปตากแดด วิธีนี้เหมาะสำหรับหมวกสักหลาดหรือหมวกเบสบอล ส่วนหมวกที่มีความละเอียดอ่อนหรือหมวกวินเทจขอแนะนำให้ทำความสะอาดโดยร้านรับทำความสะอาดมืออาชีพ เชื้อราบนรองเท้าหนัง 1.
ความชื้นที่หลายคนมองข้าม ภาพ: น้ำจากคอมเพรสเซอร์แอร์ หลายบริเวณในบ้านมักเป็นพื้นที่สะสมความชื้นที่หลายคนมองข้าม เช่น ผนังที่อยู่ใกล้กับถังรองน้ำ ท่อน้ำในบ้าน ผนังห้องที่เกี่ยวข้องกับความชื้นอย่างห้องน้ำ ไปจนถึงผนังที่ติดเครื่องปรับอากาศหรือคอมเพรสเซอร์ บริเวณเหล่านี้ต่างก็เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อความชื้น ทำให้เกิดเชื้อราบนผนังได้ง่าย ไม่ว่าจะกำจัดเชื้อราจากต้นเหตุหรือปลายเหตุ วิธีกำจัดราดำบนผนังก็ไม่ยากอย่างที่คิด! วันนี้จระเข้มี 7 วิธีกำจัดเชื้อราบนผนังและกำแพงมาฝากทุกคนกันแล้ว 7 วิธีกำจัดเชื้อราบนผนังและกำแพง 1. แอลกอฮอล์ ภาพ: การทำความสะอาดเชื้อรา แอลกอฮอล์เป็นวิธีกําจัดเชื้อราบนผนังที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือเป็นเชื้อราที่ไม่ได้ฝังลึกมากนัก ให้ใช้แปรงสีฟันขัดเชื้อราดำออกให้หมดเสียก่อน จากนั้นจึงใช้ผ้าชุบแอลกอฮอล์เช็ดบริเวณที่เกิดเชื้อรา เพื่อป้องการเจริญเติบโตของเชื้อราได้เป็นอย่างดี 2. ผงซักฟอก ภาพ: ผงซักฟอก ผสมผงซักฟอกกับน้ำ แล้วใช้ผ้าจุ่มน้ำค่อย ๆ เช็ดลงบนผนังเบา ๆ อย่าให้แรงจนเกินไป เพราะอาจทำให้สีผนังหลุดล่อนหรือเกิดร่องรอยเสียหายได้ เมื่อเช็ดเชื้อราออกจนหมดแล้ว ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดบริเวณที่มีเชื้อราอีกครั้งหนึ่ง เพื่อกำจัดสปอร์ออก จะเป็นวิธีกำจัดราดำบนผนังที่ได้ผลในระยะยาว 3.
ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ ฝนกำลังจะหายไปแต่ยังทิ้งปัญหาคาใจให้เราอยู่นั่นคือ เฟอร์นิเจอร์ขึ้นรา เชื้อราที่ขึ้นตามโต๊ะ ตู้ เตียง อันเกิดมาจากความชื้น และถ้าเราสูดดม หรือสัมผัสมันมากๆจะก่อให้เกิดโรคภัยตามมา เรามีเคล็ดไม่ลับง่ายๆ ฉบับ my home มาฝากให้ลองทำกัน ไม่ว่าจะเฟอร์นิเจอร์ไม้ หนัง หรือเฟอร์นิเจอร์ผ้า "เฟอร์นิเจอร์ขึ้นรา" แก้ได้ไม่ยาก 1. เชื้อราบน เฟอร์นิเจอร์ไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้จริง วิธีแก้ไขคือใช้ผ้าชุบน้ำบิดให้หมาดๆ เช็ดทำความสะอาดหรือใช้ผ้าชุบแอลกอฮอล์เช็ดก็ได้ นอกจากนี้ ถ้าคราบเชื้อรามีมากและฝังลึก เราสามารถใช้กระดาษทรายขัดผิวไม้ส่วนที่เป็นเชื้อราออก ขัดหยาบก่อนค่อยขัดละเอียดให้เฟอร์นิเจอร์เรียบเนียน แล้วเช็ดทำความสะอาดก่อนใช้น้ำยาเคลือบผิวไม้ทาทับ (แลคเกอร์ ทีคออยล์) เพื่อป้องกันการเกิดของเชื้อรา เฟอร์นิเจอร์ไม้ปิดผิว วิธีแก้ไขคือใช้ผ้าชุบน้ำบิดให้หมาดๆ เช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าแห้ง หลังจากนั้นใช้แลคเกอร์ทาให้ทั่วเพื่อป้องกันไม่ให้อากาศชื้นสัมผัสกับไม้ 2. เชื้อราบน เฟอร์นิเจอร์หนัง สำหรับการกำจัดเชื้อราบนเฟอร์นิเจอร์ประเภทเครื่องหนังนั้นมีวิธีแก้ไขโดย ใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูเจือจาง (ใส่กระบอกฉีดเพื่อความสะดวก) ฉีดพรมบนจุดที่เป็นเชื้อรา และเช็ดถูอย่างระวังอย่าให้ฟุ้ง หลังจากนั้นเช็ดทำความสะอาดแล้วเคลือบหนังด้วยน้ำยาบำรุงเครื่องหนัง 3.
ควรสวมหน้ากาก และถุงมือ รองเท้าบู๊ทยาง ทุกครั้งก่อนลงมือทำความสะอาด 2. ให้เปิดประตู หน้าต่าง หรือม่านให้หมด เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกและแสงแดดส่องถึง 3. ปิดแอร์คอนดิชั่นเนอร์ รวมทั้งพัดลม ในระหว่างการทำความสะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้สปอร์ของเชื้อราฟุ้งกระจายและอยู่ในระบบระบายอากาศ โดยอยู่ในที่ๆ อากาศถ่ายเทได้อย่างเหมาะสม 4. กำจัดสิ่งของที่ไม่สามารถกำจัดเชื้อราออกได้หมด วัสดุที่ไม่สามารถทำให้แห้งได้ วัสดุที่กำจัดเชื้อราได้ยากคือวัสดุที่มีลักษณะเป็นรูพรุน อย่างเช่น พรม เบาะผ้า ที่นอน ฟูก วอลเปเปอร์ ฝ้าผนังยิปซัม แผ่นฝ้าไม้ และกระดาษ ควรทิ้งวัสดุเหล่านี้ไปเสียด้วยการใส่ในถุงพลาสติกและมัดให้แน่นหน่า ทิ้งในขยะที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อป้องกันสปอร์เชื้อราแพร่กระจายสู่อากาศ 5. สำหรับการทำความสะอาด ให้ล้างด้วยน้ำและสบู่หรือผงซักฟอกเพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกก่อน จากนั้นล้างด้วยน้ำยาโซเดียมไฮโปคลอไรด์ (NaOCl) 0. 5% หรือใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปคลอไรด์ผสมอยู่ (สังเกตที่ฉลากจะมีโซเดียมไฮโปคลอไรด์ 5-6%) 6. ไม่ควรผสมน้ำยาซักผ้าขาวกับสารอื่นๆ โดยเด็ดขาด เนื่องจากการผสมกับน้ำยาอื่นที่มีแอมโมเนียเป็นส่วนประกอบ หรือน้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นกรดจะเกิดก๊าซที่เป็นอันตราย 7.
ใช้ผ้าชื้นเช็ดเชื้อราออกจากรองเท้า จากนั้นปล่อยให้แห้ง 2. ทำความสะอาดรองเท้าด้วยสบู่อ่อนหรือครีมทำความสะอาดหนังโดยเฉพาะ พวกหนังนิ่มแนะนำให้ทำความสะอาดด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย เชื้อราที่ยาแนวในห้องน้ำ 1. พ่นสเปรย์ส่วนผสมของน้ำส้มสายชูและน้ำลงบนบริเวณที่มีเชื้อรา 2. ใช้แปรงขัดบริเวณที่เป็นเชื้อราโดยรอบ 3. ทำแบบเดียวกันนี้อีกครั้งโดยใช้ผงเบกกิ้งโซดาและน้ำ ขัดซ้ำไปซ้ำมา ห้องน้ำเป็นห้องที่มักพบการเกิดเชื้อราได้บ่อยครั้ง ดังนั้นควรแน่ใจว่าจัดห้องและทำให้ห้องมีช่องระบายอากาศได้เป็นอย่างดี เชื้อราบนผนัง 1. ผสมน้ำและผงซักฟอกลงในถัง 2. จุ่มเศษผ้าลงในน้ำที่มีฟองและเช็ดเชื้อราบนผนังอย่างเบาๆ 3. ใช้ผ้าแห้งเช็ดรอยเปียกออกหนึ่งครั้ง 4. ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดบริเวณโดยรอบเพื่อเอาสปอร์ของเชื้อราออกไปให้หมด คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า หลังผนังบ้านไม่มีรอยรั่วไหลของท่อเพราะมันคือสาเหตุหนึ่งของการเกิดเชื้อราที่บริเวณผนัง เชื้อราบนผ้าม่าน 1. ซักผ้าม่านโดยใช้ผงซักฟอกผสมกับน้ำส้มสายชู 1 ถ้วย 2. ขจัดคราบโดยการใช้น้ำมะนาวและเกลือทาลงบนคราบให้ทั่ว จำไว้ว่าให้ทดลองทำแบบนี้ที่บริเวณอื่นของผ้าม่านซึ่งมองเห็นไม่เด่นชัดก่อน 3.