ว่า "หากอยากได้ ทรัพย์สินคืนให้นาย ก. นําเงินไปชําระ" นั้น แม้จะเป็นการเอาทรัพย์สินของนาย ก. ไปเพียงเพื่อจะให้นาย ก. นําเงินกู้ไปชําระก็ตาม แต่การกระทําของนายแดงเป็นการบังคับให้นาย ก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2280 / 2555 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 295, 364, 365 (1) (2) (3), 392 ขณะที่ผู้เสียหายอยู่ที่บ้าน จำเลยและนาย บ. กับพวกได้ไปที่บ้านของผู้เสียหาย แล้วนาย บ. ได้ชกผู้เสียหายที่ใบหน้าบริเวณดั้งจมูก 1 ครั้ง จนดั้งจมูกหัก และเมื่อเกิดเหตุแล้ว ผู้เสียหายก็ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในทันที ซึ่งนาย บ. ก็ถูกศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกแล้ว พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบรับฟังได้โดยปราศจากความสงสัยตามสมควรว่า จำเลยและนาย บ. กับพวกได้เข้าไปในบ้านของผู้เสียหาย และจำเลยพูดว่า "มึงแน่หรือที่อยู่ที่นี่มา 15 ถึง 16 ปี เอามันเลย" กับพูดว่า "ไอ้สัตว์ เดี๋ยวยิงทิ้งหมดเลย" อันเป็นความผิดฐาน บุกรุกและขู่ให้ผู้อื่นตกใจกลัว แต่การที่จำเลยพูดว่า เอามันเลย และนาย บ. เข้าทำร้ายผู้เสียหายโดยจำเลยไม่ได้ทำร้ายผู้เสียหายด้วยนั้น เป็นการที่จำเลยก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับนาย บ. และพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับฟ้องในสาระสำคัญตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง ย่อมลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดไม่ได้ แต่การที่จำเลยร้องบอกดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนให้นาย บ.
กระทำความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 86 ศาลมีอำนาจวินิจฉัยปรับบทฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ อนึ่ง ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิด 3 กรรม แยกเป็น ข้อรวม 3 ข้อ โดยข้อที่ 1 กล่าวแต่เพียงว่า จำเลยกระทำความผิดฐานร่วมกับนาย บ. บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน ตามมาตรา 365 (2) และ (3) ประกอบมาตรา 364 เท่านั้น มิได้บรรยายฟ้องว่าร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา 365 (1) ประกอบ มาตรา 364 แต่อย่างใด ส่วนความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนได้รับ อันตรายสาหัส กล่าวในฟ้องข้อ 3 แยกต่างหาก ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 365 (1) ประกอบมาตรา 364 ด้วย จึงเป็นการเกินคำขอและมิได้กล่าวมาในฟ้อง แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องฐานทำร้ายร่างกายแยกต่างหากในฟ้องข้อ 3 แต่เมื่อข้อเท็จจริง ได้ความว่าเมื่อจำเลยและนาย บ. เข้าไปในบ้านแล้ว นาย บ. จึงได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยจำเลยบอกให้ทำร้ายต่อเนื่องใกล้ชิดกัน เห็นได้ว่ามีเจตนาประสงค์ต่อผลโดยตรงต่อการที่จะให้มีการทำร้ายผู้เสียหาย ทั้งการทำร้ายของนาย บ. ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ส่อแสดงถึงความไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถาน อันเป็นองค์ประกอบสำคัญของความผิดฐานบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 อยู่ด้วย การที่จำเลยบอกให้นาย บ.
เมื่อวันที่ 20 มี. ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร. ) พ. ต. อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มรุ่นพี่ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ. นครราชสีมา ที่นำรุ่นน้องออกไปจัดกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่แล้วเกิดเหตุมีรุ่นน้องเสียชีวิต เมื่อวันที่ 13 มี. ว่า พนักงานสอบสวน สภ.
การทำร้ายร่างกายธรรมดา เช่น การตบ ต่อย ตี ที่ไม่ได้เกิดบาดเจ็บร้ายแรง หรือได้รับผลกระทบทางจิตใจ ถือเป็นความผิดลหุโทษ ตามมาตรา 391 มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท มีอายุความหนึ่งปี ตามที่เพิ่งบังคับใช้เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2558 (แต่ก่อนมีโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท) 2. หากมีการทำร้ายจนถึงขึ้นบาดเจ็บหนัก ถึงขั้นฟกช้ำ นับเป็นการทำร้ายโดยเจตนา ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บทางกายและจิตใจ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 มีโทษจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท มีอายุความไม่ต่ำกว่าสิบปี 3. ทำร้ายร่างกายรุนแรงถึงขั้นสาหัส มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 มีโทษจำคุกไม่เกินสิบปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท มีอายุความไม่ต่ำกว่าสิบห้าปี ถึงแม้ว่าอายุความจะมากเป็นหลายสิบปี แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากปล่อยคดีเอาไว้นานโดยไม่ได้ดำเนินการต่อ ก็เป็นเรื่องยากที่จะหาหลักฐานมาดำเนินคดีต่อได้ เพราะหลักฐานสำคัญอาจสูญหาย ถูกทำลาย ทำให้ไม่สามารถข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อนำมาพิสูจน์ความจริงได้ จนในท้ายที่สุดแล้ว คดีความก็อาจถูกตัดสินยกฟ้อง Post navigation
ศ. 2548 และพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ. 2558 และจะเร่งรัดทำการสอบสวนให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ พล. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ. ตร. ) ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีด้วยความรวดเร็ว ตรงไปตรงมา พิสูจน์ทราบทำความจริงให้ปรากฏด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เน้นหลักนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญในการรวบรวมพยานหลักฐานมาประกอบคดี รองโฆษก ตร.
4 จ. 5 ตีโจทก์ร่วมอีกหลายที กับมีร้อยตำรวจโทมรกต พนักงานสอบสวนเป็นพยานเบิกความประกอบบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.
อ.
มาตรา 392 อีกบทหนึ่ง อันเป็นกรรมเดียวกับความผิดตาม ป. มาตรา 376 ให้ลงโทษฐานกระทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลับโดยการขู่เข็ญ อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป. มาตรา 90 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6496/2541 ป. มาตรา 392 พ. ร. บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ. ศ.