ใช้ชามอาหารแมวกันมด เนื่องด้วยปัญหามดขึ้นอาหารแมว เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับทาสแมวหลายท่าน จึงมีผู้คิดค้นชามอาหารแมวกันมดขึ้นมา เพื่อให้ประหยัดอุปกรณ์ในการกันมด ไม่ต้องซื้อถาดเพิ่มเติม โดยเราสามารถเติมน้ำหรือสารกันมดบริเวณช่องที่ถูกทำขึ้นเพื่อการกันมดโดยเฉพาะ วิธีนี้เป็นวิธีที่ประหยัด ง่าย สะดวกและกันมดได้รวดเร็ว แต่ก็จะมีข้อเสียคล้ายกับในข้อ 2 เพราะเรามีความจำเป็นต้องใช้น้ำหรือสารกันมดแบบผงในการป้องกันมด ซึ่งต้องมีเวลาในการดูแลเอาใจใส่พอสมควร 4.
แขกที่ไม่ได้รับเชิญ แอบเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน! เชื่อเถอะว่าหลายบ้านต้องเจอกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ที่แอบเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ชายคา โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟ แม้แต่บาทเดียว! และตัวการร้ายที่พูดถึงก็คือ ครอบครัวมด ทั้งมดดำ และมดแดง ที่แทรกซึมอยู่เกือบทุกตารางนิ้วภายในบริเวณบ้าน รวมถึงมีรูตามวงกบประตูที่อาจมีรังขนาดใหญ่อยู่ในนั้น ใ ใ ซึ่งนอกจากบรรดามดจะสร้างความรำคาญใจแก่เจ้าของบ้าน รวมถึงมีส่วนทำให้ข้าวของเสียหายแล้ว หากถูกมดกัดก็มีส่วนทำให้เกิดผื่นคัน หรือผิวหนังปวดบวม และมีอาการอักเสบอีกด้วย สาเหตุที่มดขึ้นบ้านเกิดจากอะไร? มดเป็นแมลงที่ฝงตัวอยู่ในเกือบทุกบริเวณของบ้าน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้บรรามดปักหลักสร้างครอบครัวไม่ไปไหน ก็เพราะว่ามีเศษอาหารที่ล่อตาล่อใจ! โดยพฤติกรรมการรับประทานอาหาร รวมถึงขนมของคนในบ้านที่หกตามพื้น หรือบริเวณอื่นภายในบ้าน ซึ่งเป็นอาหารชั้นเลิศที่มดโปรดปรานสุดๆ นอกจากนี้การวางน้ำหวานเปิดฝาทิ้งไว้ ก็ถือเป็นอาหารอันโอชะที่มดรอคอย รวมถึงการทิ้งอาหาร หรือขนมที่ยังไม่มด ก็มีช่วยกองทัพมดให้ไปรุมตอมเช่นกัน นอกนากนี้บริเวณ ผนังบ้านมีรู รอยแตกร้าว หรือช่องโหว่ ก็ถือเป็นบริเวณที่มดใช้เป็นทางเดินในการลำเลียงอาหาร หรืออาจสร้างรังขนาดใหญ่อยู่ในนั้น!
มดจะชอบปล่อยสารฟีโรโมนไว้ ทำให้มดตัวอื่นๆ มาเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น ต้องแน่ใจว่าตัวคุณล้างชามด้วยน้ำร้อนและน้ำยาจนหมดจดแล้ว หากชามใส่อาหารแมวที่มีอยู่สามารถใส่เครื่องล้างจานได้ คุณสามารถใช้มันได้หากว่าคุณมีเครื่องล้างจาน [10] ทำความสะอาดบริเวณที่ให้อาหาร. หลังจากที่เอามดออกไปแล้ว ให้คุณทำความสะอาดรอบๆ พื้นที่ๆ ใช้ให้อาหาร คุณต้องล้างสารฟีโรโมนของมดออกไปให้หมด เพื่อที่ว่าฝูงมดพวกนั้นจะได้ไม่กลับมาอีก โดยให้คุณลองใช้น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวเพื่อลบกลิ่นฟีโรโมนและยับยั้งการมาของมดอีกในอนาคต [11] คุณสามารถถูบริเวณรอบๆ ภาชนะใส่อาหาร หรือพื้นห้องครัวทั้งห้องเลยก็ได้ โดยคุณจะใช้น้ำยาถูพื้นที่คุณใช้อยู่ประจำหรือจะใช้นำยา/สบู่ล้างจานก็ได้ [12] 4 หาถาดใส่น้ำกันมด. ลองหาถาดตื้นๆ ที่มีความกว้างมากกว่าชามใส่อาหารแมว คุณอาจจะใช้ถาดเงิน พิมพ์เค้ก ถาดพาย ถาดอบ หรืออะไรก็ได้ที่สามารถใช้รองชามอาหารแมวได้ [13] ต้องดูให้แน่ใจด้วยว่าถาดที่คุณเอามารองชามอาหารแมวนั้นไม่ใหญ่เกินไป อย่างไรก็ตาม ขอบถาดรองกับขอบชามใส่อาหารแมวควรจะห่างกันประมาณ 1 นิ้ว เพราะระยะห่างประมาณนี้จะช่วยป้องกันมดได้ [14] บางบริษัทนั้นผลิตชามใส่อาหารสัตว์ที่มีที่กันมดติดมากับขอบชามอยู่แล้ว ซึ่งดีและง่ายต่อการใช้ และก็สามารถหยิบมาล้างได้เลยดีเดียว อย่างไรก็ตาม หากคุณยังไม่ต้องการใช้เงินไปกับสิ่งนั้น เพราะยังไม่รู้ว่ามันจะเวิร์คหรือเปล่า คุณสามารถทดลองด้วยการหาถาดมารองเองก่อนก็ได้ เทน้ำใส่ถาดรอง.
มองหารังมดและพญามด เนื่องจากพญามดจะอยู่แต่ในรังไม่ออกไปไหน มีหน้าที่คอยวางไข่ ทำให้มีมดตัวแล้วตัวเล่าออกมาบุกโต๊ะเราอยู่เรื่อย ๆ ไม่มีวันหมด แถมในรังยังมีมดเด็กที่รอวันโต เพื่อจะออกไปบุกโต๊ะเราอยู่อีกเพียบเลยด้วย 2. ดูตามรอยเดินมด วิธีนี้จะทำให้เรารู้ว่ารังมดอยู่ที่ไหน เพราะเหล่ามดงานทุกตัวที่มาบุกโต๊ะเรา จะต้องกลับไปที่รัง ฉะนั้นหากคิดจะกำจัดมดให้สิ้นซาก ก็ให้ดูตามรอยเดินมดได้เลย 3. อย่าเพิ่งรีบกำจัดมด อย่างที่บอกว่ายังมีมดอีกจำนวนมากที่อยู่ในรัง ซึ่งต่อให้เราฆ่ามดที่มาเดินเพ่นพ่านพวกนี้ตาย พวกที่เหลือก็ยังออกมาขึ้นโต๊ะทำงานเราได้เรื่อย ๆ อยู่ดี ฉะนั้นรอจัดการทีเดียวจะดีที่สุด 4. วางเหยื่อกำจัดมด เพื่อเป็นตัวล่อให้มดงานนำเหยื่อกลับไปในรัง แล้วก็ปล่อยให้เหยื่อล่อมดทำหน้าที่ของมันในการจัดการเหล่ามดซะเลย 5. อย่าเพิ่งรีบทำความสะอาด เพราะมดจะเดินทางตามกลิ่น จึงควรปล่อยให้มดออกมานำเหยื่อล่อกลับเข้าไปที่รังก่อนให้เสร็จก่อน 6. อดทนรอ การกำจัดมดอาจต้องใช้เวลานาน เนื่องจากรังมดอาจจะมีขนาดใหญ่ หรือไม่ก็มีพญามดหลายตัว ซึ่งเราอาจจะวางเหยื่อกำจัดมดซ้ำอีกครั้งแล้วรอผลก็ได้ 7. ถึงเวลาฉีดสเปรย์ เมื่อรู้ว่ารังมดอยู่ที่ไหนและมดงานกลับเข้าไปสู่รังหมดแล้ว ก็ถึงเวลาฉีดสเปรย์กำจัดมดได้ โดยจะใช้เป็นยาฆ่ามดทั่วไปหรือทำสเปรย์กำจัดมดสูตรธรรมชาติขึ้นมาเองก็ได้ โดยสามารถดูสูตรน้ำยาไล่มดได้ที่ หรืออีกวิธีง่าย ๆ ก็คือ นำแป้งเด็ก เกลือ หรือผงชอร์กมาโรยไว้บริเวณที่มดเดินหรือบริเวณทางเข้าออกให้ทั่ว เช่น ธรณีประตู กลิ่นแป้งก็จะกลบกลิ่นฟีโรโมนของมดที่เคยทิ้งไว้ ซึ่งจะทำให้มดหลงทางหรือแป้งเข้าไปอุดตันทางเดินหายใจจนตายในที่สุด 8.
รักษาความสะอาดอยู่เสมอ มดชอบความอับ ความชื้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าจะพบเจอมดได้มากตาม มุมครัว โต๊ะรับประทานอาหาร ที่สำคัญมดออกไข่ได้ครั้งหนึ่ง 300 – 400 ฟอง ฉะนั้นวิธีการจัดการมดไม่ให้เข้ามาอยู่ในบ้านแบบง่ายคือการทำความสะอาดบ้านโดยเฉพาะมุมดังกล่าวให้สดใหม่อยู่เสมอ ทั้งก่อนและหลังการปรุงอาหาร การต่อเติมหน้าต่างเพื่อให้ความส่องสว่างเข้ามาสร้างความถ่ายเท ขณะเดียวกันต้องเก็บเศษอาหารทุกครั้งอย่าหลงเหลือเพราะนั้นจะเรียกมดในทันที ทั้งนี้วิธีการดังกล่าวยังเป็นพื้นฐานการดูแลบ้านที่ทุกคนควรพึงปฏิบัติเพื่อให้บ้านสวยงาม สะอาดและน่าอยู่อาศัยในทุกช่วงเวลา 2. สบู่ผสมน้ำ อีกหนึ่งเทคนิคที่แสนง่ายมากๆสำหรับวิธีไล่มดนั้น คือ การนำเอาสบู่ที่ใช้อาบน้ำชำระร่างกายมาผสมกับน้ำสะอาด ฉีดหรือเทบริเวณที่ชื้นหรือมีมด รวมทั้งเส้นทางที่มดเดินประจำ อาทิ ขอบประตูหน้าต่าง พื้น และแนวผนัง ซึ่งจะช่วยให้มดหลบไป อีกทั้งสบู่ยังทำลายความจำของมดไม่ให้จำเส้นทางดังกล่าวได้ ทั้งนี้หากไม่สะดวกที่จะใช้สบู่ น้ำสมสายชูก็ใช้ได้เหมือนกัน 3. พืชสมุนไพร หากใครหลายคนไม่ชอบสบู่หรือน้ำส้มสายชูที่มีกลิ่นเฉพาะ เราสามารถใช้มะนาวผสมน้ำได้เหมือนกัน เพราะในมะนาวจะมีกรดซิตริกซึ่งมดเกลียดกรดดังกล่าวอย่างมากจนต้องหลบและไปหาบ้านใหม่อยู่ อย่างไรก็ดีประโยชน์ของมะนาวโดยเฉพาะเปลือกยังสามารถนำมาใช้ในการทำความสะอาดเครื่องเรือนจำพวกทองเหลืองได้ดีอีกด้วย 4.
ไม่มีค่าใช้จ่าย ลงประกาศเลย คลิ๊ก … ขายคอนโดมือสอง บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่ดิน กับ Dot Property ขายง่าย ขายไว หรือต้องการซื้อ-เช่า!!! คอนโดมือสอง บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่ดินทั่วไทยมากกว่า 300, 000 รายการ คลิ๊กที่นี่
ใครมีวิธีป้องกันมดเจ๋งๆบ้างเอ่ย นอกจากการชีดชอล์กเป็นareaกั้นไว้ กับการวางของบนถ้วยที่ใส่น้ำ เพราะมดมันขึ้นเต็มไปหมดเลยอ่ะ จะเอาของมาวางบนถ้วยใส่น้ำคงไม่สะดวก ไม่รู้ว่าหอเราห้องเรามันดูดความชื้นหรือว่ายังไง ปกติช่วงที่แม่มาอยู่ด้วยมดไม่ขึ้นขนาดนี้ รบกวนผู้รู้ด้วยค่ะ แสดงความคิดเห็น
วิธีที่ 1 แบบไม่ต้องใส่ตู้เย็น วิธีนี้จะเก็บได้นานถึง 8-10 วัน - นำกล้วยทั้งหวีไปแช่ในน้ำอุ่น อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาที - เสร็จแล้ว ให้เก็บรักษากล้วยหอมไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส วิธีที่ 2 แบบแช่ตู้เย็น วิธีนี้จะเก็บได้นานถึง 14 วัน ขึ้นไป - ฉีกกล้วยออกจากขั้วให้หมดทุกลูก อย่าให้ติดขั้วเพราะขั้วทำให้สุกเร็ว - ห่อกล้วยกระดาษ หรือพลาสติกฟิลม์ถนอมอาหาร หรือถุงพลาสติกก็ได้ ทีละลูกแยกกัน - แช่ตู้เย็น ในช่องแช่ผัก