1 การกำหนดเพศโดยอาศัยโครโมโซมเพศ ก. วิธี XX – XY กำหนดดังนี้ เพศผู้มีโครโมโซมเพศเป็น XO คือมีเฉพาะโครโมโซม X อันเดียว เพศเมียมีโครโมโซมเพศเป็น XX เช่นแมลงหลายชนิด ในอันดับออร์ทอพเทอรา และ เฮมิเทอรา ข. วิธี XX – XY พบในแมลงหวี่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม พืชดอกบางชนิดเป็นต้น กำหนดดังนี้ คือ เพศผู้มีโครโมโซมเพศเป็น XY เพศเมียมีโครโมโซมเพศเป็น XX ค. วิธี ZZ- ZW พบในผีเสื้อ ผีเสื้อกลางคืน นก ปลา เป็นต้น กำหนดดังนี้คือ เพศผู้มีโครโมโซมเป็น ZZ เพศเมียมีโครโมโซมเพศเป็น ZW 1. 2 การกำหนดเพศโดยอาศัยจำนวนโครโมโซม พบในผึ้ง ผึ้งตัวผู้จะมีจำนวนโครโมโซมเป็น แฮพลอยด์ (n) เพราะเกิดจากไข่ที่ไม่ได้รับการผสม ส่วนตัวเมียเกิดจากที่ไข่ได้รับการผสมจำนวนโครโมโซมดิพลอยด์ (2n) การสร้างสเปิร์มของผึ้งตัวผู้ที่มีลักษณะพิเศษ คือ ในการแบ่งแบบไมโอซิสนั้น โครโมโซมทั้งหมดจะแยกแล้วไปรวมกลุ่มกันที่ขั้วเดียว ดังนั้นสเปิร์มจึงมีโครโมโซมเท่าเดิม การพัฒนาของผึ้งเพศเมีย เป็นผึ้งงานหรือนางพญานั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของอาหารที่ตัวอ่อนจะได้รับไม่ได้ขึ้นกับยีนและไข่ เซลล์ใดจะได้รับการผสมหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการเปิดถุงเก็บสเปิร์มในตัวนางพญา 1.
โรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) เป็นโรคเลือดออกผิดปกติทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วโลก โดยสามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกได้ สาเหตุของโรคเกิดจากการขาดโปรตีนที่มีหน้าที่ทำให้เลือดแข็งตัวที่เรียกว่า แฟคเตอร์ (coagulation factors) โรคฮีโมฟีเลียมี 2 ชนิด คือ โรคฮีโมฟีเลียเอเกิดจากร่างกายขาดแฟคเตอร์ 8 และโรคฮีโมฟีเลียบีซึ่งเกิดจากร่างกายขาดแฟคเตอร์ 9 โดยพบโรคฮีโมฟีเลียเอได้มากกว่าฮีโมฟีเลียบีประมาณ 5 เท่า โรคฮีโมฟีเลีย คืออะไร? โรคฮีโมฟีเลียถ่ายทอดอย่างไร? โรคนี้มีการถ่ายทอดแบบยีนด้อยบนโครโมโซมเอ็กซ์ (X-linked recessive) จึงพบได้ในผู้ป่วยเพศชายที่ได้รับโครโมโซม X ที่มียีนส์ของโรคฮีโมฟีเลียมาจากมารดา ส่วนในผู้หญิงที่มียีนส์ของโรคฮีโมฟีเลียจะเป็นพาหะแฝง (carrier) และไม่แสดงอาการ แต่สามารถถ่ายทอดยีนส์ของโรคนี้ไปสู่รุ่นลูกหลานได้ ผู้ป่วยชายที่เป็นฮีโมฟีเลีย หากแต่งงานกับหญิงที่มียีนส์ปกติ ลูกชายจะไม่เป็นโรคฮีโมฟีเลีย แต่ลูกสาวจะเป็นพาหะแฝงของโรคฮีโมฟีเลีย ผู้หญิงที่เป็นพาหะแฝงของโรคฮีโมฟีเลีย จะมีโอกาสถ่ายทอดโรคฮีโมฟีเลียไปสู่ลูกชายร้อยละ 50 และลูกสาวจะมีโอกาสเป็นพาหะแฝงของโรคฮีโมฟีเลียร้อยละ 50 อาการของโรคฮีโมฟีเลียเป็นอย่างไร?
สาเหตุที่พบได้ทั่วไปของความบกพร่องของพัฒนาการ เผยแพร่ครั้งแรก 2 ม. ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ. ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที Fragile X เป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่พบได้มากที่สุดที่ทำให้เกิดความบกพร่องของพัฒนาการ นี่คือสิ่งน่ารู้เกี่ยวกับความผิดปกติของโครโมโซมที่ส่งผลในเพศชายมากกว่าในเพศหญิง Fragile X คืออะไร? ชื่อ "Fragile X" ได้มาจากลักษณะของโครโมโซม X ใต้กล้องจุลทรรศน์ โดยปลายจะมีช่องที่ผิดปกติดูเหมือนหัก เรียกว่า จุดเปราะบาง (fragile site) งานศึกษาต่าง ๆ ประมาณค่าว่ามีผู้ที่มีโครโมโซมดังกล่าวราว 2, 000 รายในเพศชาย และราว 4, 000 รายในเพศหญิงทุกเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ นอกจากนี้ ใน 1 คน จากชาย 800 คน และ 1 คน จากหญิง 259 คนในทุกเชื้อชาติจะเป็นพาหะของ Fragile X โดยเชื่อว่าจะสามารถวินิจฉัยได้ใน 80-90% ของผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมนี้ แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ สั่งยา ปรึกษาข้อมูลเบื้องต้น จากร้านยาใกล้บ้านคุณได้ง่ายๆ เริ่มจากแชทกับเภสัชกรที่มีใบอนุญาตผ่านแอปของเรา ฟรี!
2530: 618) โรคตาบอดสี พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ผู้ที่เป็นโรคตาบอดสี จะไม่สามารถบอกสีได้อย่างถูกต้อง เป็นโรคกรรมพันธุ์ที่เกิดจากการถ่ายทอดลักษณะด้อยที่เกี่ยวเนื่องกับเพศ โดยมียีนที่ควบคุมอยู่บนโครโมโซม x ซึ่งไปควบคุมเซลล์โคน ( cone cell) บนจอตา ซึ่งมีอยู่ 3 ชนิด คือ ชนิดดูดแสงสีน้ำเงิน ชนิดดูดแสงสีเขียวและชนิดดูดแสงสีแดง ถ้าเกิดความผิดปกติขึ้นกับเซลล์โคนชนิดใดชนิดหนึ่ง ทำให้ความไวในการดูดแสงสีต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไป เช่น ตาบอดสีแดงเกิดจากเซลล์โคนชนิดดูดแสงสีแดง รับสัญญาณภาพในช่วงคลื่นสีแดงไม่ได้ ชนิดที่พบได้บ่อย คือไม่รู้สีเขียวกับสีแดง และที่พบน้อยลงไป คือไม่รู้สีเหลืองกับสีฟ้า 3.
อาร์. ที. ก่อตั้งขึ้นในปีพ. ศ. 2550 โดยการร่วมมือระหว่างแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์และเด็กหลอดแก้วในประเทศไทยและประเทศออสเตรเลีย ซูพีเรีย เอ. ที. เป็นคลินิกรักษาผู้มีบุตรยากและวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนที่เพียบพร้อมด้วยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ชำนาญเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (Assisted Reproduction Technology – A. R. T. ) พวกเรามีความมุ่งมั่นจะสานทุกความฝันในการมีบุตรของทุกครอบครัวให้สมบูรณ์ References ข่าวสารและบทความอื่นๆ
รุ่นที่ II คนที่ 3 ==> เป็นหญิงที่มาจากครอบครัวที่แม่ป่วยเป็นโรค ส่วนพ่อปกติ ลูกรุ่นที่สองของครอบครัวนี้ หญิงทุกคนในครอบครัวนี้จึงเป็นพาหะของโรค 3. รุ่นที่ II คนที่ 4 ==> เป็นหญิงครอบครัวเดียวกันกับ รุ่นที่ II คนที่ 3 จึงเป็นพาหะ 4. รุ่นที่ III คนที่ 1==> เป็นหญิงที่แม่เป็นพาหะ ส่วน พ่อปกติ ดังนั้นหญิงรุ่นที่ III คนที่ 1 อาจปกติจริง หรืออาจปกติแต่เป็นพาหะก็ได้ ดูโอกาสการป่วยเป็นโรคฮีโมฟีเลียของครอบครัวนี้จากด้านล่าง 5. รุ่นที่ III คนที่ 5==> เป็นหญิงที่มาจากครอบครัวที่พ่อป่วยเป็นโรคส่วน แม่ปกติ ดังนั้นลูกหญิงทุกคน น่าจะเป็นพาหะทั้งหมด เลือกข้อถัดไปเพื่อเข้าศึกษา กลับหน้าหลัก พัฒนาโดย ครูนันทนา สำเภา ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ ช่องทางติดตามผลงงานทาง Youtube:: ติดตามผลงานทางแฟนเพจเฟสบุ๊ค::
คู่สมรสที่ทราบอยู่แล้วหรือสงสัยว่าคนใดคนหนึ่งหรือทั้งคู่ เป็นพาหะของโรคทางพันธุกรรมชนิด X-linked และ/หรือ Y-linked และกำลังกังวลว่าตนเองจะถ่ายทอดโรคดังกล่าวสู่บุตรได้ โดยสรุป คู่สมรสที่มีความกังวลเกี่ยวกับการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรมของตนเองหรือของครอบครัวสู่บุตร สามารถปรึกษาแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง เพื่อดูว่ามีทางเลือกใดบ้างในการป้องกันหรือลดความเสี่ยงดังกล่าว ด้วยเหตุผลทางการแพทย์ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำการ เลือกเพศลูก ร่วมกับการรักษาด้วย IVF/ ICSI การปรึกษาแพทย์จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าตัวเลือกใดเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ ควรเริ่มต้นอย่างไรดีหากมีความกังวล? คุณสามารถขอนัดพบแพทย์ที่ คลินิกผู้มีบุตรยากและวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อน ที่มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ และปรึกษาแพทย์ถึงความกังวลใจของคุณ หลังจากประเมินรายละเอียดทั้งหมดแล้ว แพทย์จะให้คำแนะนำทางเลือกและแนวทางในการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณได้ บทสรุป กระบวนการ เลือกเพศลูก จะถูกพิจารณานำมาใช้ด้วยเหตุผลทางการแพทย์ เพื่อป้องกันการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรมที่เชื่อมโยงกับโครโมโซมเพศ ที่เพศของทารกเป็นปัจจัยโดยตรงในการเพิ่มโอกาสเกิดโรคทางพันธุกรรม เกี่ยวกับ ซูพีเรีย เอ.
เฉลยข้อสอบO-net ( วิทยาศาสตร์ วิชา ชีววิทยา) ปีการศึกษา 2561 สอบมีนาคม 2562 ดาวโหลดข้อสอบ O-net ปีการศึกษา 2561 สอบมีนาคม 2562 ข้อ 1 ( 3) ข้อ 2 ( 2) ข้อ 3 ( 4) ข้อ 4 ( 4) ข้อ 5 ( 2) ข้อ 6 ( 3) ข้อ 7 ( 4) ข้อ 8 ( 3) ข้อ 9 ( 1) ข้อ 10 ( 1) ข้อ 11 ( 4) ข้อ 12 ( 5) ข้อ 13 ( 2) ข้อ 14 ( 5) ข้อ 15 ( 5) สิ่งดีๆเกิดขึ้นได้เนื่องจากมีผู้สนับสนุน ลิงก์ผู้สนับสนุน ข้อสอบ ข้อ 7) โรคฮีโมฟีเลียเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมโดยยีนบนโครโมโซมเพศ เพดดิกรีแสดงการถ่ายทอดลักษณะโรคฮีโมฟีเลียของครอบครัวหนึ่ง เป็นดังแผนภาพ จากข้อมูลบุคคลใดที่ไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นพาหะของโรคฮีโมฟีเลีย 1. รุ่นที่ I คนที่ 2 2. รุ่นที่ II คนที่ 3 3. รุ่นที่ II คนที่ 4 4. รุ่นที่ III คนที่ 1 5. รุ่นที่ III คนที่ 5 เฉลยคำตอบพร้อมคำอธิบาย คำตอบข้อ 7) ตอบ ( 4) เหตุผล โรคฮีโมฟีเลีย เป็นโรคที่ถูกควบคุมโดย ยีนด้อย ที่อยู่บนโครโมโซม X กำหนดสัญลักษณ์ให้ ๐ H ควบคุมแล้วแสดงลักษณะ ปกติ ๐ h ควบคุมแล้วทำให้เกิดโรคฮีโมฟีเลีย เมื่อพิจารณา จีโนไทป์ กับ ฟีโนไทป์ ของโรคนี้ ในเพศหญิงและเพศ ชาย วิเคราะห์แต่ละตัวเลือก 1. รุ่นที่ I คนที่ 2 ==> เป็นเพศหญิง แสดงลักษณะปกติ แต่ลูกของหญิงคนนี่ในรุ่นที่สอง คนที่ 1 ป่วยแสดงว่าหญิงคนนี้เป็นพาหะ 2.
3 การกำหนดเพศโดยยีน พบในตัวต่อ ยีนที่เกี่ยวข้องเพียงตำแหน่งเดียวแต่มี 9 คู่ยีน ถ้าให้ X1, X2, X3, – – – – – – – – – – – – – – – – – – X5 คือ ยีนเหล่านี้ ตัวเมียจะมีจีโนไทป์เป็นเฮเทอโรไซกัส เช่น X1X2 และ X1X3 เป็นต้น ส่วนตัวผู้จะมีจีโนไทป์เป็นฮอโมไซกัส เช่นX1X1, XX และ X5X5เป็นต้น 1. 4 การใช้อัตราส่วนของโครโมโซม X ต่อจำนวนชุดของออโตโซม เช่นที่พบในแมลงหวี่ ถึงแม้จะมีโครโมโซมเพศคล้ายกับของคนแต่โครโมโซม Y ในแมลงหวี่ไม่มีคุณสมบัติเป็นตัวกำหนดเพศโดยตรงเหมือนอย่างคน เนื่องจากแมลงหวี่เป็นสัตว์พวกดิพลอยด์ ดังนั้นจะมีจำนวนโครโมโซมอยู่เป็น 2 ชุด ถ้าอัตราส่วนดังกล่าวต่ำกว่า 0. 5 และแมลงนั้นจะเป็นเพศผู้ แต่ถ้าอัตราส่วนสูงกว่า 0. 5 จะได้เพศเมีย ทั้งนี้โดยไม่คำนึงถึงโครโมโซม Y (ไพฑูรย์ เลาหวิเชียร. 2530: 173-174) 2. ยีนที่อยู่ในโครโมโซมเพศ นอกจากยีนบนออโตโซมจะยึดเรียงกันแล้วยังมีพันธะบนโครโมโซมเพศด้วย (sex linkage) ซึ่ง ที่ เอช มอร์แกน (T. ) เป็นผู้ค้นพบเป็นคนแรกในปี ค. ศ.