Botox คือ สารที่สกัดจากแบคทีเรียสายพันธุ์เฉพาะ (Clostridium botulinum) ตัวสารอยู่ในรูปโปรตีนที่มีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถจับกับปลายเส้นประสาทที่มาควบคุมกล้ามเนื้อ แล้วไปยับยั้งการกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เลี้ยงโดยเส้นประสาทบริเวณนั้น ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับ Botox หดตัวไม่ได้และอยู่ในสภาพคลายตัวในที่สุด Botox รักษาริ้วรอยบนใบหน้าได้อย่างไร? ริ้วรอยบนใบหน้าไม่ว่าจะเป็น หางตา หว่างคิ้ว หน้าผาก ล้วนเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ดังนั้นเมื่อใช้ Botox ฉีดเข้าไปบริเวณที่ต้องการรักษา กล้ามเนื้อก็จะคลายตัว ริ้วรอยจะเริ่มลดลงและหายไปในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ และคงสภาพอยู่ได้ 4-6 เดือน Botox ลดกราม ทำหน้า V-shape ได้อย่างไร?
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทําให้หน้าแดง หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีความร้อนจากเตา เช่น หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู
ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดการอยู่ในที่ร้อนจัด เช่นซาวหน้า เป็นเวลา 1 อาทิตย์ 4. ควรล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด และใช้วิธีซับหน้าเพียงเบา ๆ 5. ควรมาพบแพทย์ตามที่นัดไว้เพื่อให้แพทย์ติดตามผลการรักษา และหากคุณมีข้อสงสัยใดหรือคิดว่าผิดปกติสามารถสอบถามจากแพทย์ได้ แล้วจะเห็นผลเมื่อไหร่? ภายหลังการรักษารอยย่นบริเวณที่ฉีดยาจะค่อย ๆ หายไปภายใน 10-14 วัน และสภาพผิวจะเรียบตึงคงอยู่ ได้นาน ประมาณ 4-6 เดือน ผลข้างเคียงของการฉีด? ผลข้างเคียงมีน้อยจะมีอาการปวดบริเวณที่ฉีด อาจจะมีอาการปวดศีรษะแต่ไม่มาก อาจจะมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ ข้างเคียง เช่นหนังตาตก หากมีการฉีดผิดตำแหน่ง หรือปฎิบัติตนไม่เหมาะสม เช่น นวดทันทีหลังฉีดเป็นต้น ดังนั้นความเชี่ยวชาญของแพทย์จึงนับว่ามีความสำคัญมากให้เลือกรักษากับคุณหมอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แพทยสภารับรองจะดีที่สุดค่ะ เราจะได้ทั้งคุณภาพและความมั่นใจ
หากพิจารณาข้อมูลในงบการเงิน ไม่ว่าจะเป็นรายงาน งบดุล (Balance Sheet) หรือ งบกำไรขาดทุน (Income statement) จะพบว่าทั้งสองรายงานประกอบด้วยข้อมูลทางบัญชีจำนวนมาก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผู้ใช้ประโยชน์จากงบการเงิน เช่น ผู้ประกอบการ / เจ้าของกิจการ นักลงทุน หรือคู่ค้าทางธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกข้อมูลที่ปรากฏในรายงานทางบัญชี เนื่องจากมีวิธีการอ่านงบการเงินที่ง่าย โดยการเข้าใจสูตรบัญชีที่สำคัญ สูตรการบัญชี ที่ใช้บ่อยที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์ในการนำข้อมูลทางบัญชีไปวิเคราะห์ได้ง่ายยิ่งขึ้น จึง รวมสูดรบัญชี ดังนี้ 1. สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนทุนของเจ้ากิจการ สูตรดังกล่าวนี้เป็นสูตรพื้นฐานที่สำคัญในการอ่านหรือสร้างงบดุล(Balance Sheet) ที่ถูกต้อง โดยใช้เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างทางการเงินของกิจการว่า สินทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ เกิดจากเงินทุนของเจ้าของกิจการรวมจากการสร้างหนี้ เช่น การกู้ยืมธนาคาร เป็นจำนวนเท่าใด ซึ่งหากส่วนทุนของเจ้าของกิจการมีค่าน้อยกว่าหนี้สิน ก็เป็นการบ่งบอกว่ากิจการดังกล่าวมีสภาพคล่องต่ำ โดยเราสามารถหามูลค่าของหนี้สินได้ด้วยการย้ายข้างสมการ เช่น หนี้สิน = สินทรัพย์ – ส่วนทุนของเจ้าของกิจการ เป็นต้น 2.