- เรารับสารภาพว่าทำจริง ทำเอง แต่มีเจตนาที่ดีต่อคนที่โพสต์ ทางตำรวจหรือศาลจะพิจารณาหรือไม่? มากน้อยเพียงใด?
"แก้มบุ๋ม" ยืนยันไม่เคยทารุณกรรมสัตว์ พร้อมเรียกค่าเสียหายคู่กรณี 1 ล้าน ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและทำให้เสียชื่อเสียง ไม่เคยได้รับคำขอโทษ แม้ว่าคู่กรณีจะยอมรับผิดแล้วก็ตามจากกรณีของนักแสดงชื่อดัง แก้มบุ๋ม ปรียาดา ที่ก่อนหน้านี้ถูกผู้ไม่หวังดี โพสต์ข้อความว่า คาเฟ่สัตว์ที่เปิดเลี้ยงสัตว์ทิ้งขว้าง ไม่ดูแล ทำให้เกิดความเข้าใจผิดรวมถึงส่งผลกระทบให้ตนเองเสียชื่อเสียง ล่าสุดวันนี้เมื่อเวลา 09. 30 น. ที่ศาลอาญามีนบุรี แก้มบุ๋ม พร้อมคุณพ่อไชยกร ได้เดินทางให้ปากคำหลังศาลนัดสืบพยาน และแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่ โพสต์ภาพพร้อมข้อความดังกล่าวในข้อหา พ. ร. บ. คอมพิวเตอร์ เเละหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาพร้อมเรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาทและขอยืนยันว่าตนไม่ได้ทารุณกรรมสัตว์ตามที่คู่กรณีกล่าว
อ.
ก. พ. นี้ได้อย่างไรผมไม่เคยเสนอชื่อมัน" เมื่อประธานในที่ประชุมได้ชี้แจงให้ทราบแล้ว จำเลยได้พูดขึ้นอีกว่า "ไอ้ระยำ มันไปล็อบบี้มาเพื่อจะมาเป็นผู้ช่วยเลขานุการเพื่อเอาเบี้ยประชุมไปกินเปล่า ๆ" และจำเลยยังพูดอีกว่า "ไอ้เบื๊อก ไอ้ตัวแสบ มันแส่เข้ามานั่งหาอาวุธด้ามยาวอะไรในที่นี้" เพราะไม่พอใจโจทก์ แม้จำเลยจะชี้หรือไม่ชี้หน้าโจทก์ก็ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญ เมื่อผู้อำนวยการกองอุทธรณ์และร้องทุกข์มีเพียงตำแหน่งเดียวคือโจทก์จำเลยย่อมมีความผิดฐานดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า ตาม ป. มาตรา 393 และฐานกระทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอายต่อหน้าธารกำนัล ตาม ป.
ศ.
๔๔๕/๒๕๒๒) - การใส่ความว่าบุคคลยักยอกหรือโกง เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง เป็นการหมิ่นประมาท (ฎ. ๗๙/๒๕๓๗, ฎ. ๑๐๖๘/๒๕๓๗) กล่าวโดยสรุปคือการด่ากันที่เป็นการเจาะจงหรือระบุชี้ชัดตัวบุคคล กระทำต่อหน้าหรือมีบุคคลที่สามรับรู้ โดยคำพูดนั้นน่าจะทำให้บุคคลอื่นนั้นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชังและผู้กระทำมีเจตนาให้บุคคลอื่นนั้นเสียหาย ก็เป็นการหมิ่นประมาทแล้ว
ศ. 2554 ให้ความหมายไว้ว่า "เลวทราม เป็นเสนียด ไม่เป็นมงคล" อันเป็นถ้อยคำรุนแรงไร้ความเคารพนับถือ เป็นการลบหลู่เหยียดหยาม อกตัญญูต่อบิดาผู้มีพระคุณ ถือได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ซึ่งเป็นบิดาและเป็นผู้ให้อย่างร้ายแรง จึงเป็นเหตุให้โจทก์เรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณได้ตาม ป. พ.
19 กุมภาพันธ์ 2563, 15:33น.
22 มี. ค. 2565- ที่ศาลอาญา ถ. รัชดาภิเษก ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาคดีที่ พล. ต. อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส. ส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นจำเลยที่ และ บริษัท หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ จำกัด และบริษัท สารสู่อนาคต จำกัด เป็นจำเลยที่ 2 -3 ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณีที่ นายสมบูรณ์ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 25 ก. พ. 63 ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่าจากกรณีที่ พล. เสรีพิศุทธ์ ระบุว่า ทำไมประธานสภาจึงไม่ให้อธิบายปมถวายสัตย์ปฏิญาณของครม. โดยกล่าวหานายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรรับใช้ฝ่ายบริหารหรือไม่ นั้น ตนขอเรียนต่อพล. เสรีพิศุทธ์ ว่า ให้จำสัญญาที่ชอบย้ำคิดย้ำทำอยู่ตลอดว่า ในส่วนไม่เคยรับใช้ใคร ทำงานบนเส้นทางการเมืองที่สุจริตมานาน 50 ปี ไม่มีปัญหาเรื่องการทุจริตเหมือนบางคน โดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์นั้นนายชวนได้รับการยอมรับนับถือของคนทั้งประเทศและทั่วโลก และพล. เสรีพิศุทธ์ จะต้องรู้ว่าการให้เกียรติต่อประธานสถาบันที่ตนเองสังกัดอยู่นั้น เป็นสิ่งที่พึงกระทำ การที่คนจะให้เกียรติเราคือเราต้องให้เกียรติผู้อื่น ส่วนกรณีที่กล่าวหาว่านายชวนใช้สิทธิ์อะไร มาอ้างว่าเรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณไม่สามารถนำมาอภิปรายได้นั้น ขอเรียนว่าบางครั้ง พล.