เลือก Sheet Tab ตำแหน่งที่ต้องการเพิ่ม Worksheet 2. คลิกเมาท์ขวา 3. เลือก Insert 4. เลือก Worksheet 5. กดปุ่ม OK การลบ Worksheet (Delete) การลบ Worksheet สามารถทำได้โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ 1. เลือก Sheet Tab ที่ต้องการลบ 3. เลือก Delete สามารถลบ Worksheet พร้อมกันได้ Worksheet เพียงเลือกกลุ่มของ Worksheet ที่ต้องการโดยกด ปุ่ม Shift หรือ ปุ่ม Ctrl การเปลี่ยนชื่อ Worksheet (Rename) การเปลี่ยนชื่อ Worksheet สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้ ดับเบิลคลิก Sheet Tab ที่ต้องการเปลี่ยนชื่อ 1. เลือก Sheet Tab ที่ต้องการเปลี่ยนชื่อ 14 3. เลือก Rename การเปลี่ยนสี Worksheet การที่เรากำหนดสีให้ Worksheet สามารถทำให้เราเลือก และค้นหา Worksheet ได้รวดเร็วขึ้นซึ่งการ เปลี่ยนสี Worksheet สามารถทำได้โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ ดับเบิลคลิก Sheet Tab ที่ต้องการเปลี่ยนสี 1. เลือก Sheet Tab ที่ต้องการเปลี่ยนสี 3. เลือก Tab Color 4. เลือกสีที่ต้องการ การย้าย หรือคัดลอก Worksheet (Move or Copy) เราสามารถจัดเรียงลำดับของ Worksheet ใหม่ได้ตามต้องการซึ่งการย้าย หรือคัดลอก Worksheet สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้ เลือก Sheet Tab ที่ต้องการ คลิกเมาท์ค้างไว้ และย้ายไปยังตำแหน่งที่ต้องการ 1.
ย. 2548 และรูปแบบอื่น ๆ 4. ข้อมูลประเภทสูตร (Formula) ข้อมูลชนิดสูตรจะสามารถคำนวณข้อมูลเบื้องต้นเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการออกมา เช่น สูตรทางคณิตศาสตร์ การใส่สูตรทางคณิตศาสตร์สามารถทำได้โดยใส่ตัวเลขและเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ลงไป เช่น =10+12 ซึ่งจะให้ ผลลัพธ์ออกมาเป็น 22 ทันทีที่กดปุ่ม
หรือในรูปแบบของสูตรคำนวณ เช่น =A2 + A3ซึ่งผลรับที่ได้คือการนำอาค่าของตัวเลขที่อยู่ใน A2 รวมกับค่าของ A3
E เป็นส่วนประกอบ โดยค่าปกติ (Default) ถูกจัดให้ชิดขวาของเซลล์ โปรแกรมไม่สนใจเครื่องหมาย + และตัวเลข 0 ที่อยู่หน้าสุดของชุดตัวเลข ตัวเลขที่ติดค่าลบต้องพิมพ์เครื่องหมาย – ไว้หน้าตัวเลขนั้นหรือมีวงเล็บประกอบ ถ้าตัวเลขที่มีเครื่องหมาย% ต่อท้าย ค่าจริงของตัวเลขจะถูกหารด้วย 100 แต่บนจอภาพจะแสดงค่า เหมือนตัวเลขที่พิมพ์เข้าไป สามารถพิมพ์ข้อมูลในรูปของ Exponential เช่น 2. 5E+04 เท่า 2. 5 X 104 เครื่องหมายจุด (. )
เกิดจากการใช้ Intersection Operator (ช่องว่าง) แล้วปรากฎว่าการ Intersect นั้นออกมาเป็น Set ว่าง เช่น =SUM(A10:A20 C10:C20) (ช่วง 2 อันไม่มีช่องซ้ำกันเลย) 1 #DIV/0! เกิดจากการคำนวณที่มีการหารด้วย 0 2 #VALUE! เกิดจากการใส่ค่า Input ลงไปในสูตรผิดประเภทข้อมูล เช่น =IF("แมว", 1, 0) จะผิด เพราะ ตรง "แมว" จริงๆ ต้องเป็นตรรกกะ ที่ถูกคือ = IF(A3="แมว", 1, 0) จึงจะไม่ Error 3 #REF! เกิดจากการที่ไม่สามารถอ้างถึง Cell ได้ ซึ่งอาจเกิดจากการ Delete Cell, Column หรือ Row ไปจนช่องนั้นหายไป 4 #NAME? มีการอ้างถึงชื่อ Cell หรือ Function ที่ไม่มีอยู่จริง (ปกติมักจะเกิดจากการจะใส่ข้อความ แต่ลืมใส่ " " ครอบ) 5 #NUM!
และ อยู่กึ่งกลางช่อง ใช้ Function =TYPE(ช่องที่ต้องการตรวจสอบ) ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็น รหัสตัวเลข ซึ่งมีความหมายดังนี้ 1 = Number (ตัวเลข) 2 = Text (ตัวอักษร) 4 = Logic (ตรรกกะ): 16 = Error (ผิดพลาด) 64 = Array (อาเรย์) **** เป็นการใส่ข้อมูลหลายๆ ค่าใน Cell เดียว ซึ่งขอไม่พูดถึึง ณ ตอนนี้ครับ ใช้ฟังก์ชั่นกลุ่ม IS…. เป็นการ ถามคำถามกับ Excel ว่าใช้ประเภทข้อมูลที่สนใจมั้ย? ซึ่งจะให้ผลลัพธ์เป็น TRUE/FALSE ISNUMBER เช็คว่า ใช่ตัวเลขหรือไม่? ISTEXT เช็คว่า ใช่ตัวเลขหรือไม่? ISNONTEXT เช็คว่า ไม่ใช่ตัวหนังสือหรือไม่? ISLOGICAL เช็คว่า ใช่ตรรกกะหรือไม่? ISERROR เช็คว่า error หรือไม่? ISFORMULA เช็คว่า ใช่สูตรหรือไม่? ทำไมเราต้องเรียนรู้ประเภทของข้อมูลใน Excel?
สิ่งนี้ช่วยให้เราสามารถปรับการพิมพ์ตามความต้องการของแต่ละประเภทเป็นประเภทของแผ่นงานส่วนขยายหรือโหมดการแสดงกระดาษ