ถ้าเพื่ออิสรภาพทางการเงิน ผมเชื่อว่าหุ้นที่เติบโตดีและจ่ายเงินปันผลให้เราอย่างสม่ำเสมอและมีอัตราการปันผลมากขึ้นเรื่อยๆก็จะเป็นคำตอบให้กับคุณได้ ซึ่งมันก็กลับมาสู่เรื่องของการเลือกหุ้นนั่นล่ะ วิธีคิดของผมมันก็ไม่ได้ยากอะไร แค่คุณต้องพยามมองให้ออกว่าธุรกิจที่มันจะอยู่ยาวๆและเติบโตดีนั้นเป็นอย่างลักษณะไหน? 1. หุ้นบางตัวเติบโตดีมาก 2. หุ้นบางตัวเติบโตดีและมีความได้เปรียบทางการแข่งขันต่อคู่แข่งอื่นๆ 3. หุ้นบางตัวเติบโตดี มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน และตลาดนั้นใหญ่พอที่จะสร้างมูลค่าทางธุรกิจจนผู้ถือหุ้นสามารถมีอิสรภาพทางการเงินได้ 4. หุ้นบางตัวไม่ดีเลย แต่นักลงทุนก็ชอบลงทุนเพราะคาดหวังว่ามันจะดีและเราจะรวยเร็วๆแบบ Ceiling 1 เดือนติดทุกวันเลยยยยยยย เมื่อถือระยะยาวคุณก็ได้ปันผลมากขึ้น อยากได้มากกว่าเดิมก็ต้องลงทุนมากขึ้นและเวลาของการขยายตัวทางกิจการมันจะสร้างผลตอบแทนให้คุณเองครับ แต่ผมมองในแง่ดีอย่างเดียวไม่ได้หรอก ตัวนักลงทุนเองก็ต้องติดตามความเปลี่ยนแปลงไปของธุรกิจที่คุณลงทุนอยู่อย่างต่
ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานของประเทศไทย โดยธุรกิจหลักประกอบด้วย การจัดการ การดำเนินงาน และการพัฒนาท่าอากาศยาน โดยมีท่าอากาศยานในความรับผิดชอบ 6 แห่ง คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ซึ่งท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งนี้ ให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยมีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศ จากภาพจะเห็นว่า ถ้าเราซื้อหุ้น AOT ติดต่อกันมาเรื่อยๆ 9 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2553 - 2562 จะพบว่า ในปีสุดท้ายเราจะมีเงินในพอร์ตเริ่มต้นที่ 1 แสนบาท จะกลายเป็น 6. 13 ล้านบาท! และในปีสุดท้ายเราจะได้เงินปันผลราว 8. 5 หมื่นบาทต่อปี หรือเท่ากับได้เดือนละ 7. 1 พันบาท แบบไม่ต้องทำงาน ซึ่งถือเป็น Passive Income DCA กับหุ้นปันผล ตัวที่สอง เราจะลงเงินทุกๆ ปี ปีละ 100, 000 บาท กับหุ้น QH: บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) / บริษัทนี้ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและให้เช่า บ้านพร้อมที่ดิน หน่วยในอาคารชุดพักอาศัย อาคารที่พักอาศัยให้เช่า (ธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ โรงแรม) อาคารสำนักงาน รวมทั้งรับจ้างบริหาร และร่วมลงทุนในธุรกิจอื่นๆ จากภาพจะเห็นว่า ถ้าเราซื้อหุ้น QH ติดต่อกันมาเรื่อยๆ 9 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2553 - 2562 จะพบว่า ในปีสุดท้ายเราจะมีเงินในพอร์ตเริ่มต้นที่ 1 แสนบาท จะกลายเป็น 1.
สิ่งที่นักลงทุนและนักออมหุ้นแบบ DCA จะถูกตั้งคำถามเยอะมากๆก็คือ "มันได้ผลจริงไหม" และ "ทำอย่างไรเมื่อหุ้นขึ้นแรงๆและหุ้นลงแรงๆ" คำถามเหล่านี้จะถูกถามอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเวลาใดๆก็ตาม หุ้นขึ้นก็จะถูกถาม หุ้นลงก็จะถูกถาม แต่ถูกถามน้อยหน่อยในช่วงที่หุ้นผันผวนเพราะราคาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก เราก็จะได้หุ้นที่ไม่ได้ต่างจากเดิม ตัวอย่างคำถามครับ.... "ช่วงหุ้นตกเยอะๆ สมมติเรากลับไปอยู่ในช่วงต้มย่ำกุ้งมันลงมาจาก 1, 700 จุด ทิ้งดิ่งลงมาเหลือแค่ 200 จุด จะทำอย่างไร? " "ช่วงหุ้นขึ้นเยอะๆ นี่ลองดูจากไม่กี่ปีที่มันขึ้นมาสิ นี่มันมาจาก 300 จุดไปถึง 1, 500 จุดแล้วนะ หุ้นมันไม่แพงไปหรอ? แพงจะตาย" คุณสังเกตไหมว่านักลงทุนส่วนใหญ่ทำไมหุ้นขึ้นก็เป็นทุกข์ หุ้นลงก็เป็นทุกข์ได้? คำตอบก็คือเราเอาตัวเองเข้าไปผูกติดกับราคาซื้อขายในเรื่องของ จำนวนเงินที่จะต้องจ่ายเมื่อเราต้องซื้อหุ้นแพง และ จำนวนเงินที่เราจะต้องเสียและขาดทุนไปเมื่อมูลค่าหุ้นที่เราซื้ออยู่มันลดลง ซึ่งนั่นมันหนีไม่พ้นกับการเล่นกับราคาหุ้น ซึ่งต้องกลับไปพิจารณาเริ่มกันใหม่เลยว่า "คุณลงทุนเพื่ออะไร? " และ "จำกัดความเสี่ยงในเรื่องการลงทุนอย่างไรได้บ้าง? "