กรณีขายอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมบริการซ่อมแซมบำรุงรักษาโดยออกใบกำกับภาษี หรือใบแจ้งหนี้ค่าอุปกรณ์และบริการ ติดตั้งฉบับเดียวกัน แต่แยกราคาค่าอุปกรณ์และค่าบริการออกจากกัน แนววินิจฉัย 1. กรณีตาม 1. การขายสินค้าพร้อมบริการติดตั้งโดยออกใบกำกับภาษีหรือใบแจ้งหนี้ค่าสินค้าพร้อมบริการติดตั้งรวมเป็น ยอดเดียวกัน และกรณีตาม 3. การขายสินค้าโดยมิได้ให้บริการติดตั้งหรือซ่อมแซมบำรุงรักษา ถือเป็นการขายสินค้า ผู้จ่ายเงินได้ ไม่อยู่ในบังคับต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายลงวันที่ 26 กันยายน พ. ศ. 2528 2. กรณีตาม 2. การขายสินค้าพร้อมบริการติดตั้ง โดยออกใบกำกับภาษีหรือใบแจ้งหนี้ค่าสินค้าและค่าบริการติดตั้งแยกออก จากกันเป็น 2 ฉบับ คือ ค่าสินค้าหนึ่งฉบับและค่าบริการติดตั้งหนึ่งฉบับหรือออกใบกำกับภาษี ฉบับเดียวแต่แยกรายการคือสินค้า หนึ่งรายการและค่าบริการติดตั้งอีกหนึ่งรายการ เฉพาะค่าบริการที่แยกออกจากราคาสินค้า เข้าลักษณะเป็นเงินได้จากการรับจ้างทำของผู้จ่ายเงินได้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 3.
เล่มที่ เลขที่ 2. ชื่อที่อยู่ของร้านค้า หรือกิจการ 3. ชื่อที่อยู่ของผู้ซื้อสินค้าและบริการ พร้อมเลขที่บัตรประชาชน และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร 4. รายการสินค้าและบริการ พร้อมจำนวน ราคาต่อหน่วย และราคารวมต่อสินค้าและบริการ 5. ค่าสินค้าและบริการทั้งหมด 6. ลายมือชื่อผู้รับเงิน ซึ่งเวลาที่เราได้รับบิลเงินสดมักเจอกับการกรอกบิลเงินสดที่ไม่ครบของร้านค้า การกรอกข้อมูลไม่ครบจะทำให้บิลเงินสดนี้ไม่สามารถนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ หรือเรียกว่าทางกรมสรรพากรไม่รองรับก็ได้ครับ สามารถนำบิลเงินสดเอามาเป็นเอกสารแสดงค่าใช้จ่ายได้บริษัทหรือไม่? ต้องบอกว่า ได้ หากมีข้อมูลตามตัวอย่างบิลเงินสดดังนี้ ตัวอย่างบิลเงินสดที่กรมสรรพากรยอมรับและให้นับเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ 1. บิลเงินสดที่มีการกรอกเอกสารครบถ้วนตามตัวอย่างบิลเงินสดข้างบน 2. บิลเงินสดที่มีการแนบสำเนาบัตรประชาชน พร้อมเซ็นต์รับรอง เมื่อผู้ออกบิลเงินสดเป็นบุคคลธรรมดา 3. ออกเอกสาร "ใบสำคัญรับเงิน" หรือ "ใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน" แทน เมื่อทางร้านค้าไม่มีการออกบิลเงินสด หรือใบเสร็จรับเงินได้ เอกสารที่สามารถใช้แทนบิลเงินสด หรือใบเสร็จรับเงิน เอกสารที่สามารถใช้แทนบิลเงินสดหรือใบเสร็จรับเงินได้ มี 2 เอกสาร คือ 1.
"เวลาทวงถามหนี้" ควรทวงหนี้เวลาไหน จึงจะไม่ผิดกฎหมาย? - วันจันทร์-ศุกร์ เวลาทวงหนี้ตั้งแต่ 08. 00-20. 00 น. - วันเสาร์-อาทิตย์, วันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลาทวงหนี้ตั้งแต่ 08. 00-18. หมายเหตุ: หากเจ้าหนี้ฝ่าฝืนเวลาทวงหนี้ มีโทษปรับ 100, 000 บาท และต้องทวงหนี้กับลูกหนี้เท่านั้น ห้ามไปทวงกับคนอื่น มิฉะนั้นจะมีจำคุก 1 ปี หรือปรับสูงสุดไม่เกิน 100, 000 บาท 7. การทวงหนี้แบบใด ที่ห้ามทำโดยเด็ดขาด? - ห้ามพูดจาดูหมิ่น - ห้ามประจาน - ห้ามข่มขู่ - ห้ามใช้ความรุนแรง - ห้ามทำร้ายร่างกาย - ห้ามทำลายทรัพย์สินของลูกหนี้ให้เกิดความเสียหาย - ห้ามเปิดเผยเรื่องหนี้ของลูกหนี้ ต่อผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง - ห้ามส่งเอกสารเปิดผนึกทางไปรษณีย์ ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นการทวงถามหนี้อย่างชัดเจน 8. หากทวงถามหนี้อย่างไม่เป็นธรรม มีโทษอย่างไร? ถ้าทวงถามหนี้โดยไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติไว้ ฝ่ายลูกหนี้สามารถไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ และผู้ทวงถามหนี้จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1-5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100, 000-500, 000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กฎหมายทวงหนี้ เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก เพื่อที่เราจะได้ไม่ถูกทวงหนี้อย่างไม่เป็นธรรม หรือในกรณีที่เราเป็นเจ้าหนี้เสียเอง ก็จะได้รู้รายละเอียดเวลาทวงหนี้และข้อห้ามต่างๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้นับเป็นกฎหมายพื้นฐานในชีวิตประจำวันที่เราควรรู้ไว้
ขอบอกก่อนเลยค่ะว่า " ไม่ได้" เนื่องจากเป็นหน้าที่ที่เจ้าของบ้าน หรือห้องชุดในคอนโดมิเนียมทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งจะมีระบุอยู่ในสัญญาตั้งแต่การซื้อ/ขายตั้งแต่แรกแล้ว และทางนิติบุคคลก็สามารถแจ้งดำเนินคดี กับคนที่ค้างชำระได้ด้วยนะคะ ตาม พ. ร. บ. จัดสรรที่ดิน(ฉบับที่2) พ. ศ. 2558 กำหนดให้ผู้มีอำนาจในการดูแลโครงการ ซึ่งในกรณีทั่วไปหรือก็คือ นิติบุคคล สามารถระงับการให้บริการกับเจ้าของบ้านที่ค้างชำระค่าส่วนกลาง คือ ตัดสิทธิ์ในการใช้ส่วนกลางบางอย่าง ซึ่งจะเป็นไปตามเงื่อนไขกฎหมายข้อบังคับ พร้อมกับสามารถดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อบังคับให้จ่ายค่าส่วนกลางได้ค่ะ ถ้านิติบุคคลไม่สามารถเก็บค่าส่วนกลางได้ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีลูกบ้านที่ไม่ยอมจ่ายค่าส่วนกลางนั้นจะเกิดอะไรขึ้น..? หากนิติบุคคลเก็บค่าส่วนกลางไม่ได้ หรือไม่เพียงพอต่อการใช้งานจริง จะทำให้การบริหารขาดสมดุลไปได้ อาจจะทำให้เกิดขาดทุนสะสม เช่น มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 2 แสนบาท หรือปีละ 2.
วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 09. 00 – 18. 00 น. โทรเลย 02-114-6800
0 ตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 8 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท. 4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ. 2528 3. กรณีตาม 4. การให้บริการซ่อมแซมบำรุงรักษา โดยออกใบกำกับภาษีหรือใบแจ้งหนี้ ค่าอุปกรณ์และบริการติดตั้งฉบับเดียวกันแต่แยกราคาค่าอุปกรณ์และค่าบริการออกจากกันเข้าลักษณะเป็นเงินได้จากการรับจ้างทำของ ผู้จ่ายเงินได้จะต้องหักภาษี เงินได้ ณ ที่จ่าย จากยอดรวมมูลค่าสินค้าและค่าซ่อมแซม โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 3. 0 ตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวล รัษฎากร ประกอบกับข้อ 8 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท. 2528 เลขตู้: 72/36975 ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020
มีบัญชีอยู่แล้ว? 12 มี. ค. 2020 เวลา 02:54 • การศึกษา "ขายของแต่ลูกค้าไม่ยอมชำระเงิน หลักฐานก็ไม่มีแล้วจะเรียกร้องค่าสินค้าได้หรือไม่? "
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ค่าใช้จ่ายนำมาเป็นค่าใช้จ่ายได้ไม่เกินคนละ 2, 000 บาทในแต่ละคราว ตาม กฎกระทรวงฉบับที่ 143 (พ. ศ. 2522) 2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อของขวัญแจกเป็นภาษีซื้อต้องห้าม ตาม มาตรา 82/5(4) แห่งประมวลรัษฎากร และ ข้อ 5 ของประกาศอธิบดีฯ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 17) ชื่อเรื่อง: เช็คของขวัญให้พนักงานถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม คำถาม: บริษัทให้เช็คของขวัญกับพนักงาน ถือเป็นรายจ่ายของบริษัท ได้หรือไม่ คำตอบ: ถือเป็นรายจ่ายไม่ได้ เนื่องจากเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หาต้องห้าม ตาม มาตรา 65 ตรี(3) แห่งประมวลรัษฎากร ชื่อเรื่อง: จ้างทำ ส. ค. ส. คำถาม: บริษัทจ้างทำ ส. โดยให้ ใส่โลโก้ของบริษัท ถามว่าต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือไม่ คำตอบ: หากผู้รับจ้างมิได้ผลิตขายเป็นปกติทั่วไป แต่เป็นการผลิตสินค้าตามคำสั่งของลูกค้า ซึ่งสินค้าจะมีลักษณะเฉพาะขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า โดยเมื่อผลิตสินค้าเสร็จแล้ว ลูกค้าตกลงจะยอมรับสินค้าที่ตรงตามคำสั่งของตนเท่านั้น กรณีดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของที่มุ่งถึงผลสำเร็จของงานเป็นสำคัญ ผู้ว่าจ้างจึงมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่จ่ายเงินได้ให้บริษัทในอัตราร้อยละ 3 ตาม ข้อ 8 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.
ก่อนอื่นขออธิบาย ลูกค้าไม่จ่ายเงินในที่นี้คือ เขามาสั่งของแล้วพอของเสร็จ เขาไม่มาเอาค่ะ ทางร้านปล่อยมานานสักพัก (ตอนนั้น จขกท. ยังไม่รู้เรื่องที่ค้างเงิน) พอรู้เรื่อง จขกท. ก็โทรทวงค่ะ ครั้งแรกที่จขกท. ทวงก็มาจ่ายค่ะ จ่ายมา 9, xxxบาท บอกที่เหลือจะมาเอา จ่ายครั้งแรก ที่สิ้นปี 58 ค่ะ จนเลยยาวมาถึงทุกวันนี้ เมื่อเร็วๆนี้จขกท. ได้โทรทวงค่ะ ตัวลค. เอง บอกว่ากลางเดือนหน้า (คือเดือนก. ย.
ที่ได้โอนเงิน) ภายใน 3 เดือนตั้งแต่วันที่รู้ว่าถูกโกง โดยระบุว่าต้องการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีจนกว่าจะถึงที่สุด ไม่ใช่แค่ลงบันทึกประจำวัน หรือจะเข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท. ) ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ ก็ได้ ซึ่งจะมีความสามารถทางด้านเทคโนโลยีในการติดตามหาตัวคนร้ายได้รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม หากเราไปแจ้งความที่ ปอท. เราอาจจะต้องเดินทางมาขึ้นศาลที่กรุงเทพฯ ซึ่งถ้าบ้านเราอยู่ต่างจังหวัดอาจไม่สะดวกเท่าไรนัก ดังนั้น สำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัด การแจ้งความกับตำรวจท้องที่จะสะดวกกว่า หรือบางเคส ปอท.